ฉันเป็นลูกผู้หญิงคนที่ 3 จากพี่น้องหญิง + ชาย ที่มีตำแหน่งเป็นพี่ๆ ของฉัน
มีพี่สาวคนโตและพี่ชายคนกลาง นั่นคือตำแหน่งที่เค้าทั้ง 2 ไม่มีสิทธิเลือก
ฉันมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างอบอุ่น ถึงจะไม่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างแต่ก็มีความสุขเท่าที่มี
จำได้ว่าตอนเด็กๆ เพื่อนเล่นแถวบ้านก็มีแต่เด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกัน ผู้หญิง 1 เดียว (คนนี้) อย่างฉัน ตอนนั้นยังไม่เข้าใจความหมายของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง เข้าใจว่าไม่มีอะไรที่แตกต่างกัน
ยังจำได้ว่าหลังจากกลับเข้าบ้าน ถ้าพระอาทิตย์ยังไม่หมดแสง จะต้องเจอกับเสียงบ่นๆ ของแม่พร้อมกับไม้เรียวในมือของแม่บ้าง (บางครั้ง) ส่วนใหญ่จะทุกครั้ง
แต่แล้วก็มีสิ่งหนึ่งสำหรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของฉันที่ทำให้ฉันอยู่ติดบ้าน ซึ่งเป็นที่พอใจสำหรับแม่อย่างมากมาย ฉันคงเข้าใจไปเองในความคิดเด็กๆ ของฉัน ณ ตอนนั้น
โต๊ะปิงปองแบบบ้านๆ ถึงจะไม่ได้ตามมาตรฐาน แต่มันใช้เป็นที่เล่นกีฬาปิงปอง ได้ถือกำเนิดขึ้น ใต้ถุนของบ้านข้างๆ ซึ่งท่านเป็นคุณครูที่เปิดบ้านทำการสอนพิเศษ สำหรับเด็กรุ่นราวใกล้เคียงกับฉัน กีฬาปิงปองคือสิ่งแรกที่ฉันสนใจและชอบที่จะเล่นเกือบทุกวัน และทั้งวัน ถ้ามีเพื่อนเล่นด้วย (ส่วนใหญ่ก็เด็กผู้ชาย) ที่มาเรียนพิเศษ และกลุ่มเพื่อนข้างๆ บ้าน ทำให้ฉันเล่นใกล้บ้านมาก และอยู่ติดบ้าน (เพราะว่าอยู่ข้างๆ บ้าน) กีฬา..กีฬา เป็นยาวิเศษ เป็นความจริงตามนั้น จริงๆ
ฉันรักกีฬาประเภทนี้ก็ว่าได้ จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยลงแข่งขันกีฬาสีของโรงเรียนตอนชั้นมัธยมต้น
ได้รู้จักการฝึกซ้อม และการแข่งขัน ได้ใบประกาศสำหรับตำแหน่งที่ 2 เข้าใจความหมายของคำว่าพ่ายแพ้ รู้จักและเข้าใจคำว่าน้ำใจนักกีฬา และหยุดลงแข่งในที่สุด ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ชอบการแข่งขัน และการที่ต้องอยู่ในตอนเย็นหลังเลิกเรียนเพื่อฝึกซ้อมนั่นเอง
ขออนุญาตย้อนเวลากลับไปตอนเรียนชั้นประถมศึกษาได้เรียนหนังสือร่วมกับเพื่อนๆ ผู้ชาย สนุกสนานเร่าเริงตามวัยเด็ก ไม่น่าเชื่อว่าฉันไม่เคยจำเพื่อนผู้หญิงสมัยเด็กประถมได้เลยสักคนเดียว หรือว่าฉันไม่สนใจหรือไม่เคยจำได้เลยมากกว่า
แต่แล้วชะตาชีวิตหรือโชคชะตาที่อยู่ในกำมือของพ่อและแม่ซึ่งท่านเป็นคนกำหนด และมีอำนาจสั่งการแบบเบ็ดเสร็จ ท่านทั้ง 2 ได้มีคำสั่ง หรือกึ่งบังคับให้ฉันเตรียมตัวสอบเข้ามัธยมต้นแห่งเดียวผู้หญิงล้วน สำหรับโรงเรียนต่างจังหวัดที่มีอยู่ ให้ฉันไปสอบเข้าโรงเรียนวัด......??
วัดคาทอลิก!! คือประโยคเติมเต็มคำในช่องว่างที่หายไป เป็นโรงเรียนผู้หญิงล้วน
6 ปี กับชีวิตที่มีแต่เพื่อนผู้หญิง...ผู้หญิง...และผู้หญิง ที่มีอยู่แต่ในกรอบและกฎและระเบียบวินัยอย่างเคร่งขรัดของโรงเรียนกึ่งลูกครึ่ง (ในเวลา ณ สมัยนั้น หมายความว่าจะมีนักเรียนชายเรียนปะปนอยู่ด้วยตั้งแต่อนุบาลจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6)
ขออนุญาต (อีกครั้ง) กระโดดข้ามขั้นไประดับอุดมศึกษากันเลยละกัน สีสันกลับมาแล้ว
จำได้ไม่มีวันลืม ฉันได้มีโอกาสรู้จักกับผู้ชายสูงวัยด้วยความบังเอิญ เราเจอกันครั้งแรกในร้านแห่งหนึ่งแถวสถาบันการศึกษา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญหรือโชคชะตาที่ทำให้เราได้มีโอกาสได้อยู่กันลำพังสองต่อสอง ครั้งแรกกับการได้รับสัมผัสของเค้ากับความรู้สึกนุ่มนวล อ่อนโยน เราเข้ากันได้ดี เค้าช่างเข้าใจเป็นผู้รับฟังที่ดี ยอมรับความคิดฉันแทบทุกอย่าง เคารพกับการตัดสินใจของฉันในทุกเรื่อง ฉันหลงใหลกับความอบอุ่นของผู้ชายสูงวัยคนนี้อย่างมาก ยอมรับว่าเค้าเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันเต็มใจยอมให้เค้าได้สัมผัส ลูบไล้ตามที่ใจของเค้าจะปรารถนา ด้วยท่าทีอันเคร่งขรึม สุภาพอ่อนโยน ระยะห่างของอายุไม่ใช่ปัญหา แต่เราต่างกันแค่เรื่องของศาสนากันเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคของเรื่องระหว่างเรา
ฉันยอมรับว่าประทับใจในลีลาความเป็นมืออาชีพของเค้า...แต่ด้วยระยะเวลาเพียงสั้นๆ อย่างที่เคยได้ยินมาก่อนว่าเวลาของความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ จนแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ฉันเพิ่งจะเข้าใจความหมายของมัน
ด้วยระยะทางของฉัน เวลาก็เป็นสิ่งสำคัญ เป็นเหตุผลง่ายๆ ให้เราค่อยๆ ห่างกัน และทำให้เรื่องราวของเราจบลงในที่สุด
ชีวิตเริ่มต้นของการทำงานช่างแตกต่างกับโลกของการเรียนอย่างสิ้นเชิง เหมือนอยู่บนโลกใบเดิมแต่การใช้ชีวิต และความรับผิดชอบไม่เหมือนเดิม
แล้วเวลาก็ทำให้ฉันพบผู้ชายคนใหม่ ที่เข้ามาในช่วงเวลาชีวิตของฉันอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกัน ความคิดทัศนคติ รสนิยม การใช้ชีวิตเป็นไปในทิศทางที่คล้ายๆ กัน
การได้รับสัมผัสจากประสบการณ์ของผู้ชายสูงวัยที่เป็นคนแรกของฉันมันผ่านมาเนิ่นนาน และความรู้สึกเหล่านั้นที่เคยห่างหายไปนานหลายปี มันได้กลับเข้ามาอีกครั้งจากผู้ชายคนใหม่
สัมผัสที่ “แตกต่าง” คือคำจำกัดความทั้งหมดที่อธิบายให้ได้ในตอนนี้ เค้าช่างรู้ใจ มีความคิดสร้างสัน จินตนาการ บางครั้งเราก็มีการความคิดไอเดียประหลาดๆ เก๋ๆ ล้ำๆ ให้เลือกด้วย ให้ความรู้สึกไม่ซ้ำซากจำเจ
เวลาที่เรามีใช้ร่วมกันมันช่างยาวนานนับปี จนฉันแทบจะลืมเวลาทั้งหมดที่เราเคยมีร่วมกัน
เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้ เมื่อมีวันเริ่มต้นก็ต้องมีวันจบ ชีวิตเหมือนภาพยนตร์ที่เราดู
แต่คงไม่เร็วเท่ากับเวลา 1-2 ชั่วโมง ที่เรานั่งดูหนังเรื่องนั้นๆ อยู่ เวลาของการจากลาช่างยาวนานและเจ็บปวด ด้วยเหตุผลเดิมๆ ระยะทาง กับหน้าที่การงานทำให้เราค่อยๆ ห่างกัน แต่ยังคงติดต่อและมีเวลาไปมาหาสู่กันบ้างบางครั้ง แต่สุดท้ายเวลาก็ทำให้เราห่างหายกันไป แบบไม่รู้ตัว ตอนจบความรู้สึกก็เหมือนครั้งแรก สุดท้ายใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวังเลื่อนลอย แต่ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไป
ฉันใช้ชีวิตเคว้งคว้างอยู่สักระยะที่พอให้ลืมเรื่องราวความทรงจำดีๆ ได้ แล้วเพื่อนรุ่นพี่แนะนำให้รู้จักกับผู้ชายอีกคน ครั้งนี้มันช่างแตกต่าง หวือหวา ฉีกภาพผู้ชายเดิมๆ ที่เราคุ้นตาขาดสะบั้น อะไรที่ทำให้ฉันเห็นผิดเป็นชอบในตัวของผู้ชายคนนี้ รู้ทั้งรู้ว่าเค้าไม่สมชาย แต่ฉันไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้เลย สำหรับครั้งนี้ฉันปล่อยตัวปล่อยใจ ทำตามใจหัวใจตัวเองที่ปรารถนาและต้องการ แล้วความแตกต่างก็อยู่ได้แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ แค่นั้น...
เหตุผลเหมือนเดิมความห่างไกลด้วยระยะทาง เป็นสาเหตุของเหตุผลและอะไรอีกหลายๆ อย่างตามมา สุดท้ายตอนจบไม่เคยสมหวังเลยสักครั้ง ความผิดหวังความเสียใจทำฉันเกือบจะหมดหวังกับผู้ชายหลากหลายที่เข้ามาในชีวิต
อดีตของฉัน...อนาคตของฉัน...และปัจจุบันของฉ้นละ แล้วเวลาก็เยียวยาทุกอย่าง
ปัจจุบันฉันได้รู้จักผู้ชายคนใหม่ เรารู้จักกันอย่างเรียบง่าย ด้วยการแนะนำจากเพื่อนของเพื่อน
เค้าสุขุม เรียบง่าย ฉันชอบมองสายตาของเค้าที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจกับสิ่งที่รับผิดชอบอยู่ตรงหน้า ฉันไม่คาดหวังอะไรจากผู้ชายคนนี้มากมายนัก แค่มีความสุขกับปัจจุบันก็พอ
และความสดใสที่เค้าเข้ามาเติมเต็มให้กับชีวิตฉัน ความสุขที่ฉันได้รับจากเค้าช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความพอใจมีชีวิตชีวา ถูกใจ กับอะไรใหม่ๆ ที่เค้าสรรหามาปรนเปรอ ฉันจะได้พบกับเค้าแค่ประมาณ 2-3 เดือนต่อครั้ง
ด้วยสาเหตุของเส้นผมที่ยาวตามธรรมชาติ ตามกาลเวลาของเส้นผม ที่โดยส่วนตัวไม่ค่อยได้รับการดูแลจากฉัน (ด้วยนิสัยส่วนตัวล้วนๆ)
แค่ใช้มือเสยๆ ปัดๆ ให้จัดเข้าทรงที่คิดเอาเองว่าดีสุดแล้ว นับการหวีผมต่อวันได้เลยว่าไม่เกิน 2 ครั้ง/วัน
++ ความหมายของ "ผู้ชายของฉัน" คือช่างตัดผมที่ฉันประทับใจส่วนตัว ในแต่ละคนที่ฉันได้รู้จัก ฉันคิดว่าตัวเองโชคดีที่เจอช่างตัดผมที่ไว้ใจได้ มีฝีมือ และทำให้ฉันมั่นใจทุกครั้งที่เข้าร้านตัดผมและได้เจอกับช่างตัดผมประจำส่วนตัว
ไม่ง่ายนะที่เราจะเจอกับช่างผมที่เราจะฝากเส้นผมของเราไว้ ในมือของเค้าด้วยความไว้ใจ ถ้าเราไม่มั่นใจในตัวของช่างตัดผม หายนะจะมาเยือนทรงผมของฉันอีกเป็นเดือนจนกว่าผมจะยาว และฉันคงต้องหาช่างตัดผมที่ถูกจริตฉันใหม่อีกครั้ง
ในชีวิตนี้ที่ฉันไม่เคยได้รับสัมผัสกับ "ช่างตัดผมผู้หญิง" เลยสักครั้ง!!
